ผู้ว่าฯ อยุธยา ถวายไฟพระฤกษ์ประทานจาก สมเด็จพระสังฆราช ให้กับเจ้าคณะจังหวัดฯ เพื่อจุดเทียนมงคลในพิธีสวดมนต์ข้ามปี เสริมศิริมงคล ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2566
ช่วงบ่ายของ วันที่ 26 ธันวาคม 2565 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดพิธีถวายไฟพระฤกษ์ประทานจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับศักราชใหม่ 2566 ณ วัดพนัญเชิงวรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา โดย นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีถวายไฟพระฤกษ์ประทานจากสมเด็จพระสังฆราช ให้กับ พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เพื่อนำไปจุดเทียนมงคลในพิธีสวดมนต์ข้ามปีให้กับ เจ้าคณะอำเภอทั้ง 16 อำเภอ
จากนั้น ในเวลา 15.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีถวายไฟพระฤกษ์ประทานจากสมเด็จพระสังฆราช ให้กับ คณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ธรรมยุต) จำนวน 22 วัด เพื่อจุดเทียนมงคลในพิธีสวดมนต์ข้ามปี โดยมี พระเทพมงคลโสภณ เจ้าอาวาสวัดเสนาสนารามราชวรวิหาร เจ้าคณะภาค 17-18 (ธรรมยุต) เป็นประธานจุดไฟพระฤกษ์ โดย พระราชวัชราภรณ์ ท่านเจ้าคณะภาค 1-2-3 (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดชูจิตรธรรมารามและพระราชวัชรสารสุธี ท่านเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดนิเวศธรรมประวัติ ราชวรวิหาร
พร้อมด้วย นางสุณิสา โกศินานนท์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี ทั้งนี้ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีวัดรวมทั้งสิ้น จำนวน 518 วัด แบ่งเป็น มหานิกาย จำนวน 496 วัด และ ธรรมยุต จำนวน 22 วัด
นางสุณิสา โกศินานนท์ รักษาราชการแทนวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับศักราชใหม่ 2566 ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 2565 ถึงวันที่ 1 ม.ค. 2566 เพื่อถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชินีพันปีหลวง ถวายพระพรแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาและสร้างแรงจูงใจให้ประชาชน ลด ละ เลิกอบายมุข ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2566 (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)
โครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนหลังประสบภัยน้ำท่วม สร้างความมั่นคงทางอาหาร “ผู้นำต้นแบบตัวอย่างที่เห็นจริง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่แปลงผักหมู่บ้านสร้างครัวชุมชน หมู่ 6 ตำบลลาดน้ำเค็ม อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดงาน โครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนหลังประสบภัยน้ำท่วม อำเภอผักไห่ โดยมี นายทินกร บุญเงิน พัฒนาการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสันติ สันติเสนาะ รักษาราชการแทนนายอำเภอผักไห่ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกิจกรรม โดยกิจกรรมภายในงาน ได้รับความร่วมมือจากผู้นำชุมชน และองค์การบริหารส่วนตำบลลาดน้ำเค็ม ร่วมจัดโครงการคัดแยกขยะชุมชน อบรมให้ความรู้แก่ประชาชนในการทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนในครัวเรือน เพื่อให้เกิดการพัฒนาและเป็นต้นแบบให้กับหมู่บ้านและตำบลอื่นต่อไปอีกด้วย ในปีที่ผ่านมา อำเภอผักไห่ ได้ประสบสถานการณ์อุทกภัย มีประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบ้านเรือนเสียหาย จำนวน 16 ตำบล 128 หมู่บ้าน 8,647 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตรกว่า 469 ไร่
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้คลี่คลายลง และจังหวัดฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการฟื้นฟูและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนผู้ที่ประสบอุทกภัยด้านการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่ปฏิบัติการปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ให้เป็นไปตามแนวทางปลูกผักสวนครัวรอบ 2 อย่างต่อเนื่อง
โดยส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนปลูกผักสวนครัว กล้วย มะละกอ รวมถึงพืชสมุนไพร พริก ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย ฟ้าทะลายโจร เพื่อสร้างพลังความต่อเนื่องในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและยา ศูนย์แบ่งปันเมล็ดพันธุ์และต้นกล้า ลดรายจ่าย สร้างรายได้ระยะสั้นทั้งในระดับครัวเรือนและระดับกลุ่มอาชีพ เพื่อป้องกันและบรรเทาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภายใต้แนวคิด “จะพัฒนาใครเขา ต้องพัฒนาเราก่อน” สร้างกระแสรณรงค์ปลูกผักสวนครัวผ่าน “ผู้นำต้นแบบตัวอย่างที่เห็นจริง” โดยใช้ทีมนักพัฒนา 3 ประสานร่วมเป็นกลไกขับเคลื่อนปฏิบัติการ สู่ทุกครัวเรือนคือคลังอาหาร ทุกหมู่บ้านคือศูนย์แบ่งปัน เกิดทักษะชีวิตใหม่ มีความพร้อมสู่โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ในพระราชดำริและโครงการตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้พลังชุมชนในการพัฒนาชุมชนรณรงค์ส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนได้ปลูกผักสวนครัวไม่น้อยกว่า 10 ชนิด ให้ครอบคลุมเต็มพื้นที่ เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนหลังประสบภัยน้ำท่วมด้านการสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนต่อไป (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)
พสกนิกรชาวอยุธยา พร้อมใจอธิษฐานจิตร่วมบริจาคโลหิตกับกาชาดจังหวัด ถวายเป็นพระกุศลฯ
วันที่ 21 ธันวาคม 2565 ณ ที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนให้กำลังเจ้าหน้าที่และประชาชนที่มาร่วมบริจาคโลหิต ดวงตา อวัยวะและร่างกาย เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้หายจากพระอาการประชวรและมีพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ววัน ในโอกาสนี้ นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัด พ.อ.(พ) ภัทราวุธ ทิพโกมุท รอง ผอ.รมน.จ. และนางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัด ได้ร่วมบริจาคโลหิต พร้อมกับประชาชนที่ทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี นายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนบุคลากร ทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ จากภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 2 จังหวัดลพบุรี และ สสอ.พระนครศรีอยุธยา มาช่วยให้บริการอีกด้วย
ตามที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอำเภอพระนครศรีอยุธยา ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 2 จังหวัดลพบุรี และ สสอ.พระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมการรับบริจาคโลหิตและอวัยวะ การช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยและการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงมีพระอาการประชวรอยู่นั้น ทั้งนี้ ประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่างมีความตั้งอธิฐานจิต ในการมาร่วมบริจาคโลหิต เพื่อถวายพระพรให้พระองค์ หายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว เพื่อเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)
ผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรีมอบใบประกาศเกียรติบัตร
ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ที่ห้องประชุมตะแบกนา ศาลากลางจังหวัดสระบุรี นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสระบุรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสระบุรี โดยมีการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กชุมชนฉางข้าวสหกรณ์ ของเทศบาลตำบลวิหารแดง พบว่าพื้นที่รอยต่อระหว่างท่อระบายกับพื้นถนนทรุด ได้แจ้งให้ผู้รับจ้างดำเนินการซ่อมแซม ซึ่งได้ดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว โครงการก่อสร้างลานกีฬาสนามฟุตบอล บ้านป่ายาง ของ อบต.บ้านลำ ได้ให้ติดตั้งอุปกรณ์กันกระแทกบนเสาไฟฟ้า 12 ต้น จัดทำระเบียบการใช้สนาม ประชาสัมพันธ์การใช้ประโยชน์ อบต.บ้านลำ ได้ดำเนินการแล้ว โครงการก่อสร้างอาคารเรียน 4 ชั้น โรงเรียนเทศบาลตำบลหินกอง ได้ให้เทศบาลจัดทำป้ายแจ้งเตือนจัดทำแนวเขตก่อสร้างกำชับให้ผู้รับจ้างเร่งดำเนินการให้เสร็จตามสัญญา ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้ง
สำหรับผลการสอดส่องแผนงาน โครงการประจำปี 2565 ได้ดำเนินการทั้งสิ้น 30 โครงการ เป็นโครงการแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด 5 โครงการ โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1 โครงการ โครงการตามงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ 19 โครงการ โครงการของ อปท. 4 โครงการ โครงการของส่วนราชการ 1 โครงการ นอกจากนี้ยังได้ติดตาม กรณีทำนบศรีธนญชัยถูกทำลาย ซึ่งเป็นโบราณสถานในเขตอำเภอพระพุทธบาท ขณะนี้ยังติดปัญหาเรื่องแนวเขต ซึ่งแนวเขตเดิมอยู่ในเขตสัมปทานของโรงโม่หินเอกชน อย่างไรก็ตาม จังหวัดได้มีหนังสือถึงสำนักศิลปากรที่ 3 และได้รับการแจ้งว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาติดตั้งป้ายเขตโบราณสถาน รวมทั้งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมอบหมายผู้ช่วยเลขานุการจังหวัดติดตามความคืบหน้าและนำเสนอให้ ก.ธ.จ.ทราบ
และในวันนี้ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทำพิธีมอบใบประกาศเกียรติบัตรให้แก่คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดสระบุรีและที่ปรึกษา ก.ธ.จ. ชุดที่ 4 ที่พ้นจากตำแหน่ง และ ก.ธ.จ.ที่พ้นตำแหน่งก่อนครบวาระ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจอีกด้วย (สมนึก สุขีรัตน์ / สระบุรี)
ผู้ว่าฯ สิงห์บุรี เยี่ยมบ้านนักเรียนทุนมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้า
วันที่ 27 ธันวาคม 2565 คณะกรรมการคัดเลือกนักเรียนรับทุนมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้า เพื่อเยาวชนในพระบรมราชินูปถัมภ์ จังหวัดสิงห์บุรี นำโดยนายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสิงห์บุรี ก็ได้ลงพื้นที่เยี่ยมนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับทุนจากมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้า เพื่อเยาวชนในพระบรมราชินูปถัมภ์ รายใหม่ จำนวน 5 ราย ซึ่งเป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ทั้ง 5 ราย
มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้า เพื่อเยาวชนในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเด็กและเยาวชน รวมทั้งสามเณร ที่ประพฤติดี ที่มีฐานะยากไร้ ขัดสนจากหมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศ ให้ได้มีโอกาสได้รับการศึกษาและการอบรมคุณธรรมอย่างต่อเนื่อง จนสามารถประกอบอาชีพที่สุจริตได้ตามอัตภาพของตน เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป
โดยปัจจุบันจังหวัดสิงห์บุรี มีนักเรียนที่อยู่ระหว่างขอรับทุนจากมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้า เพื่อเยาวชนในพระบรมราชินูปถัมภ์ จำนวน 24 รายรวมทั้งนักเรียนชั้น ป.2 ทั้ง 5 รายใหม่ด้วย ซึ่งในการให้ทุนการศึกษาของมูลนิธิฯ จะแบ่งเป็นระดับการศึกษา คือ ระดับประถมศึกษา -สามเณร ได้รับปีละ 3,500 บาท ต่อคนจนจบประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ได้รับปีละ 4,500 บาท ต่อคนจนจบการมัธยมศึกษา และระดับอาชีวศึกษา-อุดมศึกษา ได้รับปีละ 9,000 บาท ต่อคนจนศึกษาจบ
ทั้งนี้ นักเรียนที่จบการศึกษาในแต่ละระดับการศึกษาหากประสงค์จะขอรับทุนต่อเรียนต่อ ต้องยื่นคำขอทุนต่อมูลนิธิ หากไม่ยื่นความประสงค์จนหมดสิทธิรับทุนต่อไป เช่น นักเรียนที่จบชั้น ป.6 หากประสงค์จะขอทุนเรียนต่อในชั้น ม.1-ม.6 ต้องยื่นคำร้องขอรับทุนต่อมูลนิธิ หากไม่ยื่นคำร้องจะถือว่าสละสิทธิ์ไม่ได้รับทุน (อำนาจ สุขเย็น / สิงห์บุรี)
อยุธยา เตรียมจัดสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย
วันที่ 20 ธันวาคม 2565 ณ ห้องประชุมมงคลบพิตร 2 ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารศูนย์ประสานงานการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่าวิถีใหม่ พุทธศักราช 2566 โดยมี พระมหาเวชยันต์ เวชยนโต เจ้าอาวาสวัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร เป็นผู้แทนเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมหารือการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับศักราชใหม่ 2566 แนวทางการดำเนินงานการ รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรม ทั้งนี้กำหนดการรับมอบไฟพระฤกษ์ประทานจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก สำหรับเชิญไปจุดในกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีของแต่ละวัด โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคล ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับศักราชใหม่ 2566 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ณ พระวิหารพระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งแต่เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป
สำหรับกิจกรรม สวดมนต์ข้ามปี กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ได้ริเริ่มจัดขึ้นในวัดเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2548 ภายใต้โครงการส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมีกิจกรรมประกอบด้วยพิธีถวายไฟพระฤกษ์ประทานสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก และกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่าวิถีใหม่ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเป็นศูนย์อำนวยการกลางการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ของจังหวัด ดำเนินการร่วมกับวัด/ศาสนสถาน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ (วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)
ผู้ว่าฯ อยุธยา ห่วงใยผู้สูงอายุ มอบสุขภาพดี
วันที่ 21 ธันวาคม 2565 ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอท่าเรือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดกิจกรรม “จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห่วงใย มอบสุขภาพดี ให้ผู้สูงวัย ในวันปีใหม่ พ.ศ. 2566” โดยมี นายเดชาธร เชาว์เลขา นายอำเภอท่าเรือ นายแพทย์ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ นางสาวนฤมล พงษ์สุภาพ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น อสม. ผู้สูงอายุ และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 600 คน
ด้าน นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การจัดกิจกรรมให้กับผู้สูงอายุในวันนี้ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้มีคุณค่าในสังคม และแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานในอำเภอที่เกี่ยวข้อง ที่มีความตั้งใจดูแลผู้สูงอายุในอำเภอ ให้ได้รับบริการส่งผลให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุต่อไป ประกอบกับการเป็นอำเภอแรกในการจัดกิจกรรมของขวัญปีใหม่ ในปี พ.ศ. 2566 ของกระทรวงสาธารณสุข อันมีเป้าหมาย เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถดูแลตนเองได้มากขึ้น ลดภาระลูกหลานได้ ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อครอบครัว สังคม และชุมชนในการประคับประคองวัยผู้สูงอายุให้มีสุขภาพดีได้ยืนยาวขึ้น โดยมีการจัดกิจกรรมการคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ เมื่อพบภาวะเสื่อมทางร่างกาย จะสามารถนำเข้าสู่ระบบการรักษาได้ไว การฟื้นฟูก็จะไวขึ้น และกิจกรรมการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ จึงนับว่าเป็นประโยชน์ให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างมาก (ศูนย์ข่าวภาคกาง)
สภ.ตาคลี นำข้าราชการตำรวจถวายพระพร
วันที่ 19 ธันวาคม 2565 เวลา 08.00น. พ.ต.อ.อิทธิเดช สุขอิ่มภูมี ผกก.สภ.ตาคลี, พ.ต.ท.ชัย แก้วเกตุศรี รอง ผกก.สส.สภ.ตาคลี, พ.ต.ท.เสกสรรค์ สุขเกษม สว.(สอบสวน) สภ.ตาคลี, พ.ต.ต.ดิเรก คงกลิ่น สวป.สภ.ตาคลี, พ.ต.ต.อาทิตย์ แย้มกลิ่น สว.(สอบสวน) สภ.ตาคลี, นำข้าราชการตำรวจ สภ.ตาคลี เข้าแถวเคารพธงชาติ สวดมนต์ กล่าวอุดมคติตำรวจ ชี้แจงข้อราชการและข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชาโดยให้ยึดหลักการปฏิบัติตามแนวทางยกระดับการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจ และถวายพระพรขอให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิตติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ด้วยการตั้งจิตอธิษฐานและการสวดมนต์ บูชาธรรม (อุทัย นิ่มสิทธิกุล / นครสวรรค์)
รองนายกฯ ประชุมคณะกรรมการชุมชน 22 ชุมชน
นางเพลินพิศ ศรีภพ นายกเทศมนตรีเมืองตาคลี อำเภอตาคลีจังหวัดนครสวรรค์ มอบหมายให้นายบรรเลง ลิ้มมาลินันท์ รองนายกเทศมนตรีเมืองตาคลี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการชุมชน ประจำเดือนธันวาคม 2565 เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และกิจกรรมต่าง ๆ ของเทศบาล และรับฟังความคิดเห็น ปัญหาต่างๆ ของชุมชน โดยมีคณะผู้บริหารเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล ผู้แทนคณะกรรมการชุมชน อสม. กลุ่มสตรี และอปพร. ทั้ง 22 ชุมชน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ สำนักงานเทศบาลเมืองตาคลี จากนั้นประชุมการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพต่อ โดย นางเพลินพิศ ศรีภพ นายกเทศมนตรีเมืองตาคลี มอบหมายให้ นายผจญ วันจันทร์ ปลัดเทศบาลเมืองตาคลี เป็นประธานประชุม พร้อมคณะกรรมการกองทุนฯ ประกอบด้วยสมาชิกสภาเทศบาลเมืองตาคลี หัวหน้าส่วนราชการอำเภอตาคลี สาธารณสุขอำเภอ ตาคลี โรงพยาบาลตาคลี ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนชุมชนและกลุ่มประชาชนทั่วไป โดยมีการสรุปโครงการและเบิกจ่ายเงินของกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลเมืองตาคลี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (กิตติ์ธเนศ พัวพรพงษ์ / นครสวรรค์)
เทคนิคลพบุรี จัดกิจกรรมขับขี่ปลอดภัย ถวายเป็นพระราชกุศล
นายประสงค์ อุบลวัตร ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคลพบุรี ได้นำคณะผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษา และนักศึกษา จัดโครงการชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ โดยมี พ.ต.อ.อรรถพล แก้วเขียว ผกก.กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
สำหรับการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการร่วมมือกันระหว่างวิทยาลัยเทคนิคลพบุรี และ สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ในการจัดพิธีบำเพ็ญสาธารณกุศล เพื่อถวายพระพรและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา โดยร่วมรณรงค์การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนด้วยการสวมใส่หมวกกันน็อก 100% เพื่อลดการเสี่ยงในการสูญเสียชีวิตและอุบัติเหตุที่อาจจะทำให้พิการด้วยการมอบหมวกนิรภัย นอกจากนี้ ยังให้บริการซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ให้กับพี่น้องประชาชนทั่วไปฟรี (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)
ลพบุรี ร่วมกันตรวจเส้นทางรับปีใหม่
พล.ต.ต. อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย นายพิษณุ ประภาธนานันท์ นายอำเภอเมืองลพบุรี น.อ.กำพลศักดิ์ เปรมใจ รอง ผบ.กองบิน 2 นายวิรพัฒน์ อ่อนสุระทุม หน.สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลพบุรี ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากกองบิน 2 สำรวจเส้นทางการจราจรตามเส้นทางสายหลักและสายรองต่าง ๆ เพื่อที่จะได้วางแผนในการกำหนดเส้นทางในการจัดการจราจรในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึง อีกทั้งยังเป็นประธานในการปล่อยแถวระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ณ ลานหน้าสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี อ.เมืองลพบุรี ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ และตำรวจจราจร ร่วมในการปล่อยแถวในครั้งนี้
ขณะเดียวกันยังได้กำชับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีได้เสียสละเวลาในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการดูแลประชาชน พร้อมเฝ้าระวังและเตรียมแผนในป้องกันการก่ออาชญากรรม นอกจากนี้ยังได้กำชับในเรื่องของการที่ประชาชนฝากบ้านไว้กับตำรวจให้ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเรื่องของการที่มิจฉาชีพที่อาศัยในช่วงวันหยุดยาวที่จะก่อเหตุร้าย รวมทั้งในเรื่องของการขนย้ายยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่เขตภาคกลาง เรื่องคดีค้างเก่า ขณะที่การจัดการจราจรที่ลดการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนที่เป็นถนนสายหลักและสายรอง เพื่อที่จะทำให้ลดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ประชาชนได้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)
ผู้ว่าฯ สระบุรี เน้นป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ มูลนิธิ สมาคมกู้ภัย ทหาร ตำรวจ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้ปล่อยขบวนรณรงค์ เพื่อประชาสัมพันธ์และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ในการบริการประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งชุดปฏิบัติการ ทั้งรถกู้ชีพ กู้ภัย พร้อมผู้ปฏิบัติงานหน้าที่ประจำจุดตรวจเพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย โดยจังหวัดสระบุรีกำหนดปฏิบัติการการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 จังหวัดสระบุรี ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2566 ให้เป็นช่วงดูแลผู้ใช้รถใช้ถนนให้ปลอดภัย ทางจังหวัดสระบุรี ได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งการประชาสัมพันธ์และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ในการบริการประชาชนในช่วงเทศกาล เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี (สมนึก สุขีรัตน์ / สระบุรี)
อยุธยา สร้างความมั่นคงทางอาหาร ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
วันที่ 20 ธันวาคม 2565 ณ วัดเสาธง ตำบลมหาพราหมณ์ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่ผู้ถูกผลกระทบโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนหลังประสบภัยน้ำท่วมด้านการสร้างความมั่นคงทางอาหาร พร้อมมอบต้นผักและไม้ยืนต้นให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ที่ได้รับผลกระทบน้ำหลากในพื้นที่ตำบลมหาพราหมณ์ จำนวน 56 คน โดยมี พระอธิการสมหมาย วุฒิสาโร เจ้าอาวาสวัดเสาธง นายธีรศักดิ์ โฉมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายทินกร บุญเงิน พัฒนาการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายรณกร เผ่าวิจารณ์ นายอำเภอบางบาล หัวหน้าส่วนราชการ อำเภอบางบาล พัฒนาการอำเภอบางบาล ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชน เข้าร่วมพิธี จากนั้น ได้เดินทางไปบ้านของนายปัญญา รัมมะโภชน์ บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ 3 ตำบล มหาพราหมณ์ อำเภอบางบาล ซึ่งได้รับผลกระทบโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร โดยได้ร่วมกันปลูกพืชผักสวนครัวและไม้ยืนต้น เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่หลังประสบภัยน้ำท่วม
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เล็งเห็นความสำคัญของการฟื้นฟูและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนผู้ที่ประสบอุทกภัย ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่ปฏิบัติการปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร สร้างพลังความต่อเนื่องในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและยา เกิดชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองในการสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน มีความพร้อมสู่โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ในพระราชดำริและโครงการตำบลเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมในวันนี้ นับว่าเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างวัด ชุมชน และส่วนราชการ เพื่อพัฒนาสร้างสังคมสุขภาวะ ซึ่งนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน วัดและพระสงฆ์ได้ดำเนินงานด้านสาธารณะ ด้วยการอบรมสั่งสอน เป็นศูนย์กลางของความรู้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุข ตลอดจนพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)
อยุธยา ถวายราชสักการะ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เวลา 09.09 น. วันที่ 28 ธันวาคม 2565 นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีบวงสรวงดวงพระวิญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในวันฉลองการขึ้นครองราชย์ 28 ธันวาคม “วันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” พร้อมด้วย นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกันจุดเทียนธูป บูชาเครื่องสังเวย โดยมี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน ร่วมถวายราชสดุดี ดวงพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ท่าน ที่ได้กอบกู้เอกราชของชาติไทย และยึดพระวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ เป็นเยี่ยงอย่างสืบไปในภายภาคหน้า ซึ่งไม่อาจจะลบเลือนไปกับกาลเวลาความทรงจำ เพื่อผดุงไว้ซึ่งวีรกรรมของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ พระบรมอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หอนาฬิกาโรงเรียนวัดอินกัลยา อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ตลอดรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสิน นอกจากการเมืองและการศึกสงครามแล้ว พระองค์ทรงฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม การบำรุงการศึกษาตามวัด การรวบรวมพระไตรปิฎก อัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบางจากเวียงจันทน์ กลับมายังกรุงธนบุรี บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่าง ๆ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถรอบด้านของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี เป็น “วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน” และถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” เพื่อยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาติไทย ทั้งนี้ ในทุกวัน ที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดพิธี บวงสรวงดวงพระวิญญาณ “วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และให้ประชาชนชาวไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์สืบต่อไป (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)