โควิดไทยแรงไม่หยุด! ตาย 18 ป่วยเพิ่ม1,911 ราย รักษาตัวในรพ.เกือบ 2หมื่นราย อาการโคม่า 1,073 ราย “ศบค.” พบ 10 เขต กทม. ผู้ป่วยโควิดมากที่สุด จับตา “คลัสเตอร์ชุมชนบ้านขิง” เขตบางแค พบผู้ติดเชื้อแล้วหลายราย ส่วนชาวแฟลตดินแดงผวา! โควิดกระจายเข้าพื้นที่ ขณะที่ “กทม.” เร่งฉีดวัคซีนชาวชุมชนคลองเตย ป้องกันติดเชื้อ “บิ๊กช้าง” ย้ำทุกเหล่าทัพสนับสนุนภารกิจ ศูนย์บูรณาการแก้โควิดฯ ในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล
เมื่อวันที่ 6 พ.ค.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งล่าสุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 1,911 ราย โดยเป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,902 ราย ทั้งหมด แยกเป็นจากระบบเฝ้าระวัง และบริการสุขภาพ 1,749 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 1 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศอีก 5 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 76,811 ราย มีผู้เสียชีวิตอีก 18 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตขยับไปที่ 336 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 2,435 ราย รวมยอดรักษาหาย 46,795 ราย ยังรักษาอยู่จำนวน 29,680 ราย เป็นการรักษาในโรงพยาบาล 20,937 ราย โรงพยาบาลสนาม 8,743 ราย ทั้งนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 1,073 ราย และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 356 ราย
สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิต 18 ราย เป็นเพศชาย 5 ราย เพศหญิง 13 ราย อายุระหว่าง 45-100 ปี อยู่ในพื้นที่ กทม.6 ราย สมุทรปราการ 3 ราย นนทบุรี เชียงใหม่ และสมุทรสาคร จังหวัดละ 2 ราย ปทุมธานี ยะลา และสิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย โดยมีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูงมากสุด 13 ราย เบาหวาน 10 ราย ไขมันในเลือดสูง 6 ราย โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไทรอยด์ ภาวะอ้วน โรคหลอดเลือดสมอง ไตเรื้อรัง ปฏิเสธโรคประจำตัว ติดเตียง ความจำเสื่อม โดยในจำนวนนี้ เป็นการติดเชื้อจากสมาชิกในครอบครัวมากสุด 12 ราย ไม่ทราบประวัติเสี่ยง สัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยัน จากเพื่อน อาศัยในพื้นที่เสี่ยง เช่น ตลาด มาจากพื้นที่เสี่ยง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า พื้นที่กรุงเทพฯ ยังคงเป็นพื้นที่ที่พบผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด คือ 739 คน โดย 10 เขตที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือห้วยขวาง ดินแดง บางเขน วัฒนา จตุจักร ลาดพร้าว วังทองหลาง สวนหลวง บางกะปิ บาง แค ส่วนชุมชน ที่พบการระบาดอย่างมากคือ ชุมชนคลองเตย ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ เขตปทุมวัน และชุมชนบ้านขิง เขตบางแค โดยชุมชนบ้านขิงมีการเข้าไปตรวจในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. , 30 เม.ย. และ 1 พ.ค.64 โดยตรวจคัดกรองเชิงรุก 1,413 คน พบผู้ติดเชื้อถึง 68 คน ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นพนักงานห้าง อีกกลุ่มเป็นผู้ติดเชื้อในท่าปล่อยรถเมล์ ที่มีพนักงานประมาณ 100 คน พบเชื้อรวมกว่า 70 คน ซึ่งหลายราย มีบ้านอยู่ในชุมชนบ้านขิง จึงพบผู้ติดเชื้ออีกหลายราย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งคัดกรองเชิงรุก คัดแยกผู้ป่วยไปรักษา
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.64 จะมีการปรับเปลี่ยนเวลาการแถลงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ในประเทศไทย เนื่องจากช่วงเช้า จะมีการประชุม ของคณะทำงาน 3-4 การประชุม จึงปรับเวลาแถลง เพื่อนำข้อสรุปในที่ประชุมมารายงานให้ประชาชนได้ทราบ โดยจะเริ่มต้นการแถลงข่าว ในเวลา 12.30 น. และรายงานในภาคภาษาอังกฤษ เวลา 13.00-13.30 น. หลังจากนั้นช่วงเวลา 13.15 น.-13.45 น.จะเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุยตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 และในบางวัน ช่วงเวลา 15.00 น.จะมีการถ่ายทอดสดตอบคำถามที่กำลังเป็นที่สงสัยหรือเป็นกระแส
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้พบมีการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเขตดินแดง อาทิ แฟลตหน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น แฟลตหลังสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น แฟลต 8 และ 12 ขั้น แฟลตหลัง สน.ดินแดง โดยพบที่แฟลตซ.1-2 รวมแล้ว 10 กว่าราย และได้สั่งปิดบริเวณดังกล่าว รวมถึงตลาดสดห้วยขวาง
นอกจากนี้ ทางกรุงเทพมหานครได้เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในชุมชนคลองเตยตามที่ ตั้งเป้าฉีดให้ประชาชนจำนวน 50,000 คนจาก 80,000 คน โดยกำหนดจุดให้บริการฉีดวัคซีน 2 จุด ที่บริเวณโรงเรียนวัดคลองเตย และลานหน้าห้างโลตัส สาขาพระราม4 เขตคลองเตย โดยจะดำเนินการไปจนถึงวันที่ 19 พ.ค.นี้
ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พร้อม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก เหล่าทัพ กอ.รมน.และ ตำรวจ ผ่านระบบทางไกล โดยในที่ประชุมได้กำชับให้ทุกหน่วยงาน เร่งเข้าไปสนับสนุนการทำงานของ “ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์ โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล” เพื่อควบคุมและจำกัดการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่กำลังเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำขอให้ทุกภาคส่วน ร่วมถึงเหล่าทัพ สนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยให้นำกำลังพลและทรัพยากรของกองทัพที่มีอยู่ เข้าไปช่วยเหลือประชาชน และสนับสนุนการบริหารจัดการคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะชุมชนแออัดในหลายพื้นที่ พร้อมกับช่วยติดตามตรวจสอบข่าวสารที่มีการบิดเบือนและอาจสร้างความสับสนกับประชาชนซึ่งปัจจุบันพบมากขึ้น โดยขอให้สนับสนุนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจและขอความร่วมมือประชาชนในมาตรการที่ศูนย์กำหนด พร้อมทั้ง ขอให้ทาง ตำรวจเข้าไปช่วยดูแลความปลอดภัยของพื้นที่ในภาพรวม
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า ภาพรวมการสนับสนุนที่สำคัญของ กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ กับ สาธารณสุข เพื่อสนับสนุนจัดทำโรงพยาบาลสนาม เพิ่มให้มีเพียงพอกับปริมาณผู้ป่วยที่อาจเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งได้จัดกำลังพลสายแพทย์สนับสนุน กระทรวงสาธารณสุข ในการรับและบันทึกข้อมูลผู้ป่วยที่แจ้งผ่านสายด่วน และจัดยานพาหนะรวมการ สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ตกค้างในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เข้ารับการรักษาแล้ว รวม 659 ราย ขณะเดียวกัน กองทัพบก ได้เข้าไปช่วยเหลือเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนการจัดตั้ง รพ.สนาม และการบริหารจัดการทางการแพทย์เชิงรุก เพื่อควบคุมและคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดในสถานควบคุมดังกล่าว
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือจี7 ในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศ ออกแถลงการณ์ว่า การประชุมสุดยอดดังกล่าว ซึ่งเป็นรอบการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกลุ่มชาติสมาชิกจี7 มีอันต้องสะดุดลง ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ในคณะผู้แทนของอินเดียจำนวน 2 คน มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก ส่งผลให้ต้องกักตัวของคณะผู้แทนจากอินเดียทั้งหมดเพื่อรอดูอาการ
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสุพรหมณยัน ชัยศังกระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดเป็นลบ ได้พบปะกับนางปรีติ ปาเตล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
รายงานข่าวเผยว่า ทางคณะผ้แทนจากอินเดียจะพยายามเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ผ่านระบบการประชุมเสมือนจริงทางออนไลน์
ทางด้าน องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จำนวนร้อยละ 46 ของผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่อยู่ในประเทศอินเดีย จากจำนวนทั้งสิ้น 5.7 ล้านราย ซึ่งเป็นสถิติรายสัปดาห์สูงสุด นับตั้งแต่โลกเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เมื่อเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว และยังเป็นการพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน
โดยดับเบิลยูเอชโอ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในอินเดียในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนเกือบ 2.6 ล้านราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อน และถือเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรอบสัปดาห์มากที่สุดในโลก
ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายใหม่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีจำนวนกว่า 93,000 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในอินเดีย 23,231 ราย
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในอินเดีย มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 21,070,852 ราย มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 230,151 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 17,269,076 ราย
ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 155,840,157 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 3,255,494 ราย และผู้ป่วยที่รักษามีจำนวนสะสม 133,295,626 ราย โดยสหรัฐฯ พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลกจำนวน 33,321,244 ราย เช่นเดียวกับจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ของโลกเช่นกันที่ 593,148 ราย ส่วนผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 26,035,314 ราย