โฆษกพรรคกล้า เจอกับตัว ผู้ป่วยวิกฤต นอน รพ.รัฐ ย่านลาดกระบัง แต่ไม่มีแพทย์เชี่ยวชาญ พยายามช่วยโทรหารพ.ส่งต่อ แต่ไม่ได้ สุดท้ายเสียชีวิต จี้ ปลดล็อกข้ามเขตจังหวัด
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้รัฐและผู้กำหนดนโยบายเร่งบูรณาการแก้ปัญหาการช่วยชีวิตผู้ป่วยโควิดเร่งด่วน หลังผู้ป่วยเสียชีวิต โดยพบประสบการณ์ด้วยตัวเอง โดย ระบุว่า
วันนี้เพิ่งทราบจากลูกสาวผู้ป่วยโควิดรายหนึ่ง ว่าคุณพ่อของเขาได้เสียชีวิตลงแล้ว หลังจากที่เข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตลาดกระบัง
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับการรักษา ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบทางเดินหายใจ จึงขอทำเรื่องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลอื่น โดยทางโรงพยาบาลและญาติผู้ป่วยได้พยายามโทรหาเตียงให้ทุกวัน โทรเกือบทุกโรงพยาบาล ส่วนผมก็โทรประสานแทบทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
..แต่ก็ไม่สำเร็จ ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่านโยบายการรีเฟอร์นั้นจำกัดอยู่เฉพาะในเขตกรุงเทพด้วยกัน รวมถึงกรณีผู้ป่วยใหม่รอเตียงด้วย ว่าอยู่จังหวัดไหนก็ให้รอเฉพาะในจังหวัดนั้น กลายเป็นรอจนแพร่เชื้อสู่บุคคลในครอบครัวไปอีก
ตรงนี้แหละครับที่ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่ผ่อนคลายกฎดังกล่าวทั้งที่รู้ว่าสถานการณ์วิกฤต และโรงพยาบาลในเขตพื้นที่สีแดงเข้มมันรองรับไม่ได้แล้ว เพราะมีทั้งข้อจำกัดทางด้านเตียง อุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์
จนถึงวันที่เสียชีวิตเป็นเวลากว่า 5 วัน ที่ผู้ป่วยรายนี้ต้องรอการส่งตัว เพื่อให้ได้เข้าถึงแพทย์ผู้ที่มีองค์ความรู้เหมาะสมต่อการรักษา ทั้งที่ขับรถไปไม่ถึงชั่วโมงก็เข้าสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือจังหวัดอื่นใกล้เคียงที่ยังพอมีศักยภาพในการรองรับได้แล้ว
ก่อนที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิต ผมโทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ และกรมการแพทย์ส่วนกลาง หลายครั้ง เพื่อขอเสนอกับผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องการส่งตัวผู้ป่วยข้ามเขตจังหวัด เจ้าหน้าที่บอกจะส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจติดต่อกลับ แต่ก็ไม่มีใครโทรมา
ถ้าจะให้รอเตียงกันเฉพาะในกรุงเทพต่อไป คงตายกันอีกเยอะ ควรส่งตัวออกไปจังหวัดใกล้เคียงที่มีเตียงว่าง เช่น ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี ฉะเชิงเทรา ฯลฯ ซึ่งเดินทางเพียง 2-3 ชั่วโมง ยังดีกว่าให้ผู้ป่วยรอจนอาการวิกฤต
นี่ไม่ใช่รายแรกที่ต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ และไม่กี่วันที่แล้ว ผมก็เพิ่งแถลงข่าวในประเด็นนี้ไป แต่ไร้สัญญาณตอบรับ อาจเป็นเพราะผมและพรรคเสียงไม่ดังพอ ฝากทุกท่านช่วยกันผลักดันต่อด้วยนะครับ เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน
ปล.ผมไม่โทษโรงพยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ใดๆเลย เพราะทุกคนทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถและดีมากๆแล้ว *แต่โทษผู้รับผิดชอบทางนโยบาย อยากให้รับฟังเสียงประชาชนบ้างครับ