ชาวบ้านยังทนทุกข์กับสภาพน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน โดยเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่ศูนย์ อพยพผู้ประสบอุทกภัย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อม ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยอพยพมาอยู่ที่ศูนย์ อพยพ กว่า 2 เดือน มีผู้ประสบภัยร่วม 600 คน น.ส.แพทองธาร และ นพ.ชลน่านให้กำลังใจประชาชนภายในศูนย์อพยพ จากนั้น น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย นำคณะพรรคเพื่อไทย ดูสถานการณ์น้ำท่วมบ้านเรือนชุมชนวัดวาริน อ.วารินชำราบ น.ส.แพทองธารกล่าวกับประชาชนว่า พรรคเพื่อไทยมาให้กำลังใจทุกคน ขณะนี้มีกฎเหล็ก กกต. 180 วัน ทำให้พรรคไม่สามารถช่วยประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ทำได้เพียงส่งกำลังใจให้เท่านั้น หวังว่าประชาชนจะได้กลับบ้านในเร็ววันนี้ ขอส่งกำลังใจดีๆให้ผ่านปัญหานี้ไปเร็วที่สุด
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเปิดเผยว่า เห็นใจประชาชน เมื่อปี 2562 ถือว่าน้ำท่วมหนักแล้ว แต่ปีนี้น้ำท่วมหนักกว่า ประชาชน อยู่ที่ศูนย์อพยพมากว่า 2 เดือนแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.ในพื้นที่จะช่วยเหลืออย่างไรเพราะติดกฎเหล็ก กกต. ช่วง 180 วัน น.ส.แพทองธารตอบว่า เข้าใจกฎเหล็ก 180 วัน แต่ขณะนี้เห็นความลำบากประชาชนจะพึ่งภาครัฐก็ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ต้องกระจาย ความช่วยเหลือทุกอย่างที่ไม่ใช่การหาเสียง ต้องระดม กำลังช่วยประชาชนเร็วที่สุด ไม่ต้องแคร์ว่าใครจะได้ เสียงเลือกตั้ง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค เพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลต้องให้ความสำคัญการแก้ปัญหา เฉพาะหน้าทั้งเรื่องอาหาร และการทิ้งบ้านเรือนมาอยู่ ศูนย์อพยพ เรื่องการเยียวยา แม้บางหมู่บ้านไม่ได้ เสียหาย แต่อยู่ไม่ได้ ต้องดูแลเยียวยา คนในพื้นที่ บอกว่า ระบบเตือนภัยไม่แจ้งรายละเอียดก่อนเกิด น้ำท่วมทำให้ทรัพย์สินเกิดเสียหาย รัฐต้องแก้ระบบแจ้งเตือนภัย ช่วงเปิดสมัยประชุมรัฐสภาวันที่ 1 พ.ย.นี้ เมื่อเปิดประชุมสภาฯวันแรก พรรคเพื่อไทยจะเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาประเด็นกราดยิง จ.หนองบัวลำภู และปัญหาความเดือดร้อนการประสบอุทกภัยหลายจังหวัดเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ เพื่อเสนอแนวทางไปยัง รัฐบาลให้แก้ปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุพนังกั้นแม่น้ำชีขาด ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ซ่อมมานานกว่า 1 สัปดาห์ กระทั่งล่าสุดเหลืออีกเพียง 5 เมตร ช่วงนี้ การซ่อมแซมเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก เพราะกระแสน้ำแรงกว่าเดิมเป็น 2 เท่าและลึก แต่จะพยายาม ซ่อมให้เสร็จในเร็วๆนี้ จากนี้ต่อไปจะต้องให้พื้นที่ด้านท้ายน้ำที่ อ.ร่องคำ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และเร่งระบายน้ำที่ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและทุ่งนา ลงสู่แม่น้ำชีให้เร็วที่สุด ส่วนการให้ความช่วยเหลือ ขณะนี้เจ้าหน้าที่รวมทั้งประชาชนจิตอาสา และมูลนิธิ ต่างๆช่วยเหลือทั้งการเยียวยาจิตใจ นำแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าดูแลสุขภาพร่างกายประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และนำเครื่องอุปโภค บริโภคแจกชาวบ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
สำหรับผลกระทบที่เกิดจากพนังกั้นแม่น้ำชีขาดล่าสุด มีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อ.ฆ้องชัย และ อ.กมลาไสย รวม 6 ตำบล 30 หมู่บ้าน 1,614 ครัวเรือน 4,574 คน วัด 8 แห่ง โรงเรียน 3 แห่ง รพ.สต. 2 แห่ง ถนน 10 สาย พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 79,514 ไร่ พื้นที่การประมง 285 ไร่ และอยู่ระหว่างการเร่งสำรวจ เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง
ขณะที่ พ.ต.ท.ภูเบศ ทองเหี่ยง สว. (สอบสวน) สภ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ไปตรวจสอบเด็กจมน้ำ เสียชีวิตในพื้นที่น้ำท่วมบ้านบางหยด หมู่ 8 ต.อีปัน พบศพ ด.ช.ภาคิน นวลแก้ว อายุ 3 ขวบ สอบถาม แม่เด็กทราบว่า บ้านน้ำท่วมพาลูกชายมาอาศัยอยู่บ้านญาติ แต่ยังมีน้ำท่วมถึงหน้าอก เมื่อช่วงคืนวันที่ 23 ต.ค. ตนและลูกนอนอยู่ที่ระเบียงบ้าน กระทั่งช่วง เช้าตื่นขึ้นมามองไม่เห็นลูกช่วยกันงมหา กระทั่งพบ เป็นศพ คาดลูกลงไปเล่นน้ำเสียชีวิต
ที่ อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เป็นพื้นที่รองรับมวลน้ำที่ไหลเข้าท่วมจาก อ.นาดี ไหลเข้าพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี อ.ศรีมหาโพธิ อ.เมืองปราจีนบุรี เข้าพื้นที่ อ.บ้านสร้าง และยังต้องรับมวลน้ำจาก จ.นครนายก มาทางแม่น้ำนครนายกเข้าท่วมพื้นที่ ทำให้น้ำท่วมขังนานกว่า 3 เดือน นาข้าวถูกท่วมจนกลายเป็นทะเลน้ำจืด ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวนาไม่มีผลผลิต ใช้ช่วงวิกฤติเป็นโอกาสนัดกันนำเรือสองตอนที่มีในแต่ละบ้านมาแข่งขันความเร็ว เพื่อสร้างความสนุกสนาน คลายความเครียดจนเป็นประเพณีของชาวบ้านในพื้นที่
นายสำเนา เรือนนาค ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เปิดเผยว่า ชาวบ้านพบจระเข้ 2 ตัวซุกอยู่ข้างกอไผ่จุดน้ำท่วมในพื้นที่ ตนแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดอ่างทองและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพื่อมาช่วยกันจับจระเข้ แต่ยังไม่พบตัว ขณะนี้ชาวบ้านหวาดผวาต้องพายเรือสัญจรไปมา
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางลงพื้นที่ติดตามแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยและเยี่ยมประชาชน จ.สิงห์บุรี พร้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมนางภรณี ธนาคมานุสรณ์ และนายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ คณะผู้บริหารท้องถิ่นให้การต้อนรับและฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ติดตามสถานการณ์และกำชับทุกหน่วยงานเร่งระบายน้ำให้เร็วขึ้น และต้องเร่งสำรวจเพื่อลดและบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด บริเวณจุดที่มีความเสียหายที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซากหรือน้ำท่วมทุ่ง จะต้องแก้ไขปัญหาระบายน้ำทันที ต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจสาเหตุน้ำท่วม ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ปล่อยน้ำให้ท่วมทุ่ง บางพื้นที่ได้รับการแก้ไขปัญหาแล้ว แต่บางพื้นที่ยังทรงตัว รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ เตรียมงบประมาณไว้แล้ว สำหรับโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี รัฐบาลดูแลจัดสรรงบประมาณ ปี 65 จำนวน 16 โครงการ วงเงิน 504 ล้านบาท
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะลงเรือท้องแบนเพื่อพบปะเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนหมู่ 3 ต.บางกระบือ อ.เมืองสิงห์บุรี ที่ประสบปัญหาจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ส่วนใหญ่ท่วมมิดชั้นล่าง ประชาชนต้องอาศัยอยู่ชั้น 2 และพื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย ระหว่างทางมีชาวบ้านพายเรือมาต้อนรับ และมีเด็กหญิงคนหนึ่งลอยคอพร้อมครอบครัว ถือป้ายเขียนข้อความ “ลุงตู่สู้ๆ” และตะโกน “หนูรักลุงตู่” ขณะที่นายกฯตะโกนทักทายและขอบคุณ ระหว่างที่ล่องเรือกลับนายกฯโยน EM บอลบำบัดน้ำเสียตลอดเส้นทาง เพื่อปรับสภาพน้ำให้สะอาดขึ้น
ที่ถนนทางหลวงหมายเลข 33 ป่าโมก-สุพรรณบุรี ช่วง ต.ไผ่ดำพัฒนา อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง น้ำเอ่อล้นไหลข้ามถนนจากฝั่ง ต.ไผ่ดำพัฒนา จ.อ่างทอง ไปยังฝั่งบ้านแค อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นระยะทาง 500 เมตร ทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาว เจ้าหน้าที่ทางหลวงขับแบ็กโฮสร้างคันดินสูง 1 เมตรกั้นน้ำทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ให้เอ่อล้นเข้ามาในพื้นที่จราจร
ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้นายกฤษณ์ เถี่ยนมิตรภาพ รองนายกฯ และสมาชิกเทศบาลนำกำลังเจ้าหน้าที่กองช่างและเครื่องจักรกลหนักลงพื้นรื้อแนวป้องกันน้ำท่วมเอา เพื่อปรับพื้นผิวถนนชั้นในรอบเกาะเมืองให้กลับมาใช้งานตามปกติ นายกฤษณ์เปิดเผยว่า ระดมกำลังรื้อคันกั้นน้ำความยาว 12.4 กม.ขณะนี้น้ำเริ่มลดลง เจ้าหน้าที่เทศบาลฯ เร่งคืนสภาพผิวจราจรให้กลับมาใช้เหมือนเดิมเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน และจะรีบทำให้แล้วเสร็จจำนวน 5 จุด ส่วนตำรวจ สภ.เสนา รับแจ้งเหตุชาวบ้านจมน้ำเสียชีวิต 1 ราย ไปตรวจสอบทราบชื่อนายไสว โตสกุล อายุ 72 ปี คาดสาเหตุจากลื่นล้มจมน้ำ
ที่ชุมชนหน้าวัดบางหลวง หมู่ 4 ต.บ้านฉาง อ.เมืองปทุมธานี พบว่าระดับน้ำสูงถึงหน้าอก ชาวบ้าน ยังอยู่กันอย่างลำบาก เนื่องจากบ้านเรือนส่วนใหญ่นั้นอยู่ในพื้นที่ต่ำและยกพื้นสูงไม่มากนัก แม้ว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่นจะนำสะพานเหล็กพื้นไม้กระดานใช้เป็นทางเดิน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเส้นทางเข้าออก แต่มีบ้านบางหลังสะพานไปไม่ถึงต้องใช้เรือหรือโฟมเก่าถ่อไปทำงานกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 33 จังหวัด ได้แก่ จ.พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนคร ศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สระบุรี อุทัยธานี ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ภูเก็ต สตูล ตรัง และนราธิวาส
กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ในช่วงวันที่ 25-27 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทย ตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้นกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 28-30 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง และอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง อุณหภูมิจะเริ่มลดลงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงในระยะถัดไป สำหรับร่องมรสุมยังคงพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนกลางและตอนล่างตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร