นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกอยู่ประมาณ 400,000 ราย ในจำนวนนี้ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานพันธมิตรโดยผลักดันไปสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วยแล้ว 34,572 ราย แม้ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านประสบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ผลกระทบไม่มากนักเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว หรือร้านอาหาร เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันทุกครัวเรือน อีกทั้งธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์สร้างโมเดลธุรกิจค้าปลีกรายย่อย หรือโชห่วย ขยายตลาดออกไปรอบนอกมากขึ้น รองรับฐานลูกค้าชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น กำลังเป็นตลาดเนื้อหอมที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ ซึ่งจะเห็นมีร้านค้าโชห่วยแบรนด์ใหม่ๆ ขยายตัวรวดเร็ว อาทิ ถูกดี มีมาตรฐาน (คาราบาวแดง) โดนใจ (บิ๊กซี) ขายดี (โลตัส) เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อขยายตัวธุรกิจโชห่วย และสร้างโอกาสผู้ประกอบการ กรม ร่วมกับผู้ประกอบการ ผลักดันสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย เน้น 4 ประการ คือ เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และกระจายรายได้สู่ชุมชน ในปี 2565 กรมร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการในหลายมิติ ตั้งแต่เสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการผ่านสัมมนาแบบออนไลน์และออนไซต์ทั่วประเทศ การปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้ทันสมัยแต่คงความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งเตรียมสัมมนาให้ความรู้ด้วยหลักสูตร 4 ด้าน รวม 12 ครั้งใน 4 ภูมิภาค สัมมนาที่ได้จัดแล้ว คือ สิงห์บุรี กรุงเทพฯ ระยอง ยโสธร ตามด้วยนครสวรรค์ ลำพูน ภูเก็ต นครราชสีมา ลำปาง อุดรธานี ตรัง และปราจีนบุรี ตามลำดับ
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่