รายงานพิเศษ
การปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สงบราบคาบ
“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ปรับโครงสร้าง-ปรับกระบวนทัพ ทั่วกระดานอำนาจ ทั้งเลขาธิการพรรค-รองหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อ “กระชับอำนาจ”
200 ที่นั่ง ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็น “หมุดหมาย” ภายใต้การกุมบังเหียนของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” แม่บ้านพรรคป้ายแดง เป็นความมั่นใจบนสมมุติฐาน “ชนะเลือกตั้งซ่อม” เพื่อ “ทิ้งห่าง” พรรคคู่แข่งขัน เพื่อไทย-ก้าวไกล
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ-กติกาการเลือกตั้ง “บัตรสองใบ” เป็น “จุดชี้ขาด” ว่า พลังประชารัฐจะชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าชนิดแลนด์สไลด์-ถล่มทลายทั้งบัตรสองใบหรือไม่
บัตรใบที่ 1 เลือกผู้สมัคร-เลือก ส.ส.เขตที่ใช่
บัตรใบที่ 2 เลือกพรรคที่ชอบ
รักทั้งพรรค-ใช่ทั้งผู้สมัคร ให้เลือกเหมือนกันทั้งบัตรสองใบ ส่วนการคำนวณ “คะแนนพรรค” เป็น “เปอร์เซ็นต์คะแนนนิยม” ตรงไปตรงมา-ไม่ซับซ้อน คิดคำนวณจากคะแนนทั้งหมดทั่วประเทศ 1 เปอร์เซ็นต์ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน
ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้าภายใต้กติกาล่วงหน้า-บัตรสองใบ พลังประชารัฐจะได้เก้าอี้ ส.ส.มากขึ้น “คีย์แมน” ในพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่มีใครกล้าฟันธง
แต่ที่นอนมา คือ พลังประชารัฐเสนอ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นแคนดิเดตในบัญชีนายกรัฐมนตรี-พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรคแน่นอน
ภายใต้สโลแกน เลือกคน (เขต) ที่ใช่ เลือกพรรคที่มี “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3
ปัจจุบันพลังประชารัฐมี ส.ส.ทั้งหมด จำนวน 122 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น ส.ส.เขต 101 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 21 ที่นั่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแส “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่” ส่งผลให้ ส.ส.เขตได้รับอานิสงส์-โกย ส.ส.หน้าใหม่กว่า 70 ชีวิต
ประกอบกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ “ออกแบบมาเพื่อพวกเรา” โดยมี ส.ว. 250 คน ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะ “หัวหน้า คสช.” เลือกมาเองกับมือ เป็น “แต้มต่อ” ให้พรรคขนาดกลาง-ขนาดเล็ก ปฏิเสธไม่ได้
การเลือกตั้งครั้งหน้า โครงสร้าง กก.บห.พรรคพลังประชารัฐ ถูก “ยกเครื่อง” ตั้งแต่ “รองหัวหน้าพรรค” จาก 10 คน เหลือเพียง 4 คน ได้แก่ 1.นายสันติ พร้อมพัฒน์ 2.นายวิรัช รัตนเศรษฐ 3.นายไพบูลย์ นิติตะวัน และ 4.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
เป็น “ส่วนผสม” ลงตัว ตั้งแต่นายไพบูลย์ “มือกฎหมาย” นายทุน-สันติ มือประสานบนดิน-ผู้ควบคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลอย่างนายวิรัช และ “มือประสานใต้ดิน” นายสุริยะ
เป็นการลดจำนวนรองหัวหน้าพรรคจากเดิม 10 คน เหลือ 4 คน เพื่อกระชับ “แถวการบังคับบัญชา” สะเทือนไปถึงลิสต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ “สั้นลง” รองรับเอฟเฟ็กต์ “บัตรสองใบ”
ขณะที่ กก.บห.อีก 22 คน ยังคง “วางตัว” หัวหน้ากลุ่ม-ก๊วน ที่มีจำนวน ส.ส.กำไว้ในมือ เป็น “กระดูกสันหลัง” ของพรรคไว้ทะลุ-ทะลวงคู่แข่งขัน-ฐานเสียงฝ่ายค้าน ภายใต้ “ร่มเงา” ที่มี “พล.อ.ประวิตร” เป็น “ร่มใหญ่”
กลุ่มสามมิตร สมศักดิ์ เทพสุทิน-อนุชา นาคาศัย บ้านใหญ่คุณปลื้ม-อิทธิพล คุณปลื้ม กลุ่มอำนาจใหญ่ชลบุรี-สุชาติ ชมกลิ่น และ “สราวุฒิ เนื่องจำนงค์”
กลุ่มแดงอุบลฯกลับใจ-สุพล ฟองงาม กลุ่มปากน้ำโพ-วิโรจน์ สุนทรเลขา กลุ่มกัลฟ์คอนเน็กชั่น-ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ และ “ลูกบ้าน” อย่าง “กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ” ส.ส.กทม. และ “โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” ส.ส.สิงห์บุรี
กลุ่มกำแพงเพชร-ไผ่ ลิกค์ กลุ่มสามจังหวัดชายแดนภาคใต้-สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กลุ่มปากน้ำ-ประภาพร อัศวเหม กลุ่มสมุทรปราการใหม่-ยงยุทธ สุวรรณบุตร
สำหรับ กก.บห.เพิ่มเติมใหม่-ทดแทนกำลังสำคัญอย่างอดีตกลุ่ม กปปส.-กลุ่มสามมิตรที่ถูกลดบทบาทลงไปโดยปริยาย ได้แก่ นายสุรสิทธิ์ นิธิวรลักษณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. และนายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี
ขณะที่ 11 อรหันต์ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง มาจาก “ตัวแทนภาค” ประกอบด้วย กก.บห. 4 คน ได้แก่ 1.ร.อ.ธรรมนัส-ประธานคณะกรรมการสรรหา 2.นายยงยุทธ สุวรรณบุตร-ตัวแทนปริมณฑล 3.นายจักรพันธ์-ตัวแทน กทม. และ 4.นายรงค์ บุญสวยขวัญ-ตัวแทนภาคใต้
สมาชิกพรรค 7 คน แบ่งตามสาย-ตามภาค ได้แก่ 1.น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว 2.นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา 3.นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา 4.นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. 5.นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น 6.พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ส.ส.กาญจนบุรี และ 7.วันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.สงขลา
เป็นการปรับทัพเพื่อทำแต้ม-โกยคะแนนในพื้นที่ 400 เขต ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก ภาคกลาง-กรุงเทพมหานคร
นอกจากนั้น ยังมี “พรรคบิ๊กฉิ่ง” เป็น “พรรคอะไหล่” ของกลุ่มอำนาจ “3 ป.” ไว้โกยแต้มจาก ส.ส. 100 คน จากบัญชีรายชื่อ หากกติกาเลือกตั้งออกมาเป็น “บัตรสองใบ”
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น “บัตรสองใบ” หรือ “บัตรใบเดียว” พลังประชารัฐ-พรรคนอมินี เครือข่ายอำนาจ 3 ป. มีแต่ได้ (เพิ่ม)-ไม่มีเสีย
-
นายกฯเร่ง “โคเพย์เงินเดือน” อุ้ม “เอสเอ็มอี” ในระบบ 4 แสนราย