สมเด็จพระสังฆราช เสด็จประทานปริญญาบัตร บัณฑิต ‘มจร.’ ประจำปี 2565 ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันที่ 10 ธันวาคม 2565 เวลา 13.30 น. ณ หอประชุม มวก. 48 พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จประทานปริญญาบัตร ในพิธีประสาทปริญญา ประจำปี 2565 เป็นวันแรก โดยมีพระธรรมวัชรบัณฑิต, ศ.ดร.อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พร้อมด้วย นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 18 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ พุทธศาสตรบัณฑิตใหม่จากทั่วประเทศ และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากถวายการต้อนรับ
สำหรับพิธีประสาทปริญญา ประจำปี 2565 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 11 ธันวาคม 2565 ซึ่งในปีนี้มีพระสังฆาธิการ ภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ ที่สำเร็จการศึกษาในทุกระดับชั้น จำนวนทั้งสิ้น 4,370 รูป/คน และมีผู้เข้าร่วมพิธีในปีนี้ จำนวน 2,742 รูป/คน โดยแบ่งเป็นวันที่ 10 ธันวาคม 2565 เข้ารับจำนวน 1,011 รูป/คน และวันที่ 11 ธันวาคม 2565 เข้ารับจำนวน 1,731 รูป/คน มาจาก 11 วิทยาเขต 28 วิทยาลัยสงฆ์ 2 หน่วยวิทยบริการ ในประเทศ และในต่างประเทศอีก 5 แห่ง มีหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรในระดับปริญญา ตรี-โท-เอก จำนวน 19,661 รูป/คน
สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานโอวาทความว่า “นายกสภา ท่านอธิการบดี ท่านผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,บัณฑิตใหม่ และสาธุชนทุกท่านอาตมาภาพขอแสดงมุทิตาจิตต่อผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ด้วยความ ปรารถนาดีอย่างจริงใจ อีกทั้งขออนุโมทนาในความวิริยอุตสาหะ และเสียสละของบรรดาผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร ตลอดจนผู้มีกุศลเจตนาต่อการศึกษาทางพระพุทธศาสนาและการศึกษาของชาติ ที่ช่วยกันปฏิบัติบริหาร และทำนุบำรุงกิจการมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ให้เจริญก้าวหน้าขึ้นโดยลำดับ ได้อย่างน่าชื่นชม
ปีนี้สภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติให้มีการมอบถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จำนวน 64 รูป/คน ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จำนวน 2 รูป/คน และยังมอบเข็มเกียรติคุณเพื่อยกย่องบุคคลที่ทำคุณประโยชน์อย่างยิ่งแก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และมหาวิทยาลัย จำนวน 56 รูป/คน รวมทั้งสิ้น 122 รูป/คน (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)
องคมนตรี เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลอภิลักขิตสมัยมงคลกาล 101 ปี อุทิศถวาย หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก
วันที่ 8 ธันวาคม 2565 เวลา 10.00 น. ณ มูลนิธิหลวงพ่อรวย ปาสาทิโก (หน้าวัดตะโก) ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับและร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลฯ โดยมี พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีบำเพ็ญกุศลอภิลักขิตสมัยมงคลกาล 101 ปี ชาตกาล อุทิศถวาย พระมงคลสิทธาจารย์ (หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดตะโก โดยมี พระพรหมเสนาบดี เจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร พระเทพมงคลโสภณ เจ้าคณะภาค 17-18 เจ้าอาวาสวัดเสนาสนารามราชวรวิหาร พระครูปลัดจริยวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดตะโก หัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งพุทธศาสนิกชน และบรรดาศิษยานุศิษย์ เข้าร่วมในพิธีในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
พระมงคลสิทธาจารย์ (หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดตะโกเป็นพระมหาเถระผู้เป็นรัตตัญญู ทรงธรรม ทรงวินัย เป็นพหูสูต เป็นผู้ให้อนุสาสนีย์แก่พระภิกษุสามเณรอุบาสกและ อุบาสิกา กอปรด้วยคุณสมบัติ มีศีลาจารวัตรอันงดงาม เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม ควรแก่เครื่องสักการะ และเป็นที่รักและเคารพแห่งคณะศิษย์ เป็นหลักเป็นกำลังแห่งคณะสงฆ์ ด้วยสำนึกถึงคุณงามความดีและบารมีธรรมของพระมงคลสิทธาจารย์ (หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดตะโก คณะสงฆ์วัดตะโก และมูลนิธิหลวงพ่อรวยปาสาทิสโก จึงได้ร่วมกันจัดงานบำเพ็ญกุศลครั้งนี้ขึ้น ระหว่างวันที่ 8 – 11 ธันวาคม 2565 ณ วัดตะโก ตำบลตอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)
รมช.เกษตรฯ เปิดงานวันมรดกโลกห้วยขาแข้ง ประจำปี 2565
วันที่ 9 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามกีฬาเทศบาลตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานวันมรดกโลกห้วยขาแข้ง ประจำปี 2565 โดยมี นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี นายเผด็จ นุ้ยปรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ส่วนราชการ และประชาชนเข้าร่วมงาน
ด้วยความกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ของสภาพป่าและระบบนิเวศน์ของป่าห้วยขาแข้ง – ทุ่งใหญ่นเรศวร จึงได้รับการประเมินคุณค่าจากองค์การ UNESCO ให้เป็นมรดกทางธรรมชาติของโลก โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2538 กำหนดให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีเป็นวัน “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง – ทุ่งใหญ่นเรศวร มรดกโลก” จึงเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของชาวไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะชาวจังหวัดอุทัยธานี และทางจังหวัดจึงได้จัดกิจกรรมงานวันมรดกโลกห้วยขาแข้ง ที่เป็นการส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พัฒนาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในวันดังกล่าวนั้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกิดการอนุรักษ์พัฒนามรดกโลกห้วยขาแข้ง อย่างจริงจัง จังหวัดอุทัยธานีจึงได้จัดงานวันมรดกโลกห้วยขาแข้ง ประจำปี 2565 ในวันที่ 9 ธันวาคม 2565 โดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมแบบยั่งยืน เพื่อปลูกจิตสำนึกของประชาชนให้เห็นความสำคัญในการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมถึงการ เพื่อจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติให้มีคุณภาพสูงสุด และเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตชุมชนแบบ “พอเพียง”ส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ภายในประกอบด้วย การประกวดขบวนแห่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การประกวดความสามารถนักเรียน เช่น ประกวดภาพวาดระบายสี การขับร้องเพลงลูกทุ่ง และการเขียนเรียงความ นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการของหน่วยงานต่าง ๆ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน (ชนม์สวัสดิ์ ทองโพธิ์งาม / อุทัยธานี)
ปลัดมหาดไทย สั่งปราบผู้ขายยาเสพติด
กระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำการขับเคลื่อนมาตรการ ลด ละ เลิก ด้านยาเสพติด ในการป้องกัน การปราบปรามและการจับกุมผู้ค้าผู้เสพมาดำเนินคดีตามกฎหมาย การทบทวนกระบวนการบำบัด รักษา และฟื้นฟู ตลอดจนการบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อคืนคนดีกลับสู่สังคม
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2565ที่ผ่านมาที่ศาลามูลนิธิถ้ำกระบอก วัดถ้ำกระบอก ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายพลวรรธน์ เทียนชัยมงคล ปลัดจังหวัดสระบุรี พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี และ นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี นายอำเภอพระพุทธบาท และหน่วยงานของทุกภาคส่วนจังหวัดสระบุรี ร่วมลงพื้นที่ติดตามการถอดบทเรียน โมเดล “ศูนย์บำบัดฟื้นฟูวัดถ้ำกระบอก” และ “ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมอำเภอพระพุทธบาท(สาขาวัดถ้ำกระบอก)” เพื่อให้เป็นแนวทางให้แต่ละจังหวัดปรับใช้ในการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดในการนี้ พระอาจารย์บุญส่ง ฐานจาโร ประะธานมูลนิธิถ้ำกระบอก ประธานคณะสงฆ์ วัดถ้ำกระบอก ได้ให้โอวาสแนวทางการบำบัดรักษาว่า “ต้องเน้นที่จิตใจ” ของผู้บำบัดเป็นสำคัญ ด้าน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า แนวทางในการขยายผลการบำบัดรักษา และการฟื้นฟูสภาพทางสังคมในระดับจังหวัด อำเภอ จะเร่งรัดนำผู้เสพ ผู้ค้า เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ควบคู่ไปกับการฝึกอาชีพเเละน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อคืนคนดีสู่สังคม เป้าหมาย ผู้เสพประมาณ 120,000 ราย ผู้ค้าประมาณ 18,000 ราย โดยปัจจุบันกระทรวงมหาดไทย ได้เตรียมความพร้อมศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมทุกจังหวัด จำนวน 1,000 แห่ง สำหรับจัดกิจกรรมบำบัดฟื้นฟู รุ่นละ 50 คน เป้าหมาย 50,000 ราย/รุ่น รุ่นละ 15 วัน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย “คืนคนดีสู่สังคม ชุมชน และครอบครัว” พร้อมกันนี้คณะฯ ได้เยี่ยมผู้บำบัดพร้อมมอบอุปกรณ์เครื่องนอน เพื่อสนับสนุนการบำบัดรักษาของวัดถ้ำกระบอก จำนวน 30 ชุด (สมนึก สุขีรัตน์ / สระบุรี)
ผู้ว่าสิงห์บุรี ชวนคิด ชวนทำ ผู้นำต้องทำก่อน
วันที่ 9 ธันวาคม 2565 นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี / นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธาน ในการดำเนินการ ตามกิจกรรม “ผู้ว่าฯ ชวนคิด ชวนทำ ผู้นำต้องทำก่อน”และจัดทำถังขยะเปียก ณ ลานกิจกรรม หลังที่ทำการกำนันตำบลไม้ดัด อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี โดยมี นายปรัชญา เปปะตัง ปลัดจังหวัดสิงห์บุรี/เลขานุการเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี นางเลียม ฉิมพันธ์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี นางภรณี ธนาคมานุสรณ์ กรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี นายอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ ปลัดอำเภอ ผู้ช่วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี กิ่งกาชาดอำเภอ เจ้าหน้าที่เหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนทั่วไป ร่วมกิจกรรมดังกล่าว (อำนาจ สุขเย็น / สิงห์บุรี)
ทำบุญเมืองลพบุรี ครั้งที่ 23
ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี คณะศิษย์หลวงพ่อถม (วัดเชิงท่า) ชมรมอนุรักษ์โบราณวัตถุสถานและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลพบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี ภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคประชาชนจังหวัดลพบุรี ร่วมจัดงานทำบุญเมืองลพบุรีครั้งที่ 23 ซึ่งเป็นกิจกรรมแรก ก่อนการจัดงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชประจำปี 2566 เพื่อเน้นย้ำความสำคัญของพุทธศาสนสถาน ที่เป็นหัวใจของเมือง คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นการแสดงธรรมกลางเมือง โดยพระเกจิอาจารย์ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์โบราณวัตถุสถานและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อความเป็นสิริมงคลของประชาชนและเมืองลพบุรีโดย มีนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานในพิธี และมีนางสุวจี ศิริปัญโญ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคประชาชนจังหวัดลพบุรี ร่วมกิจกรรม
ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆประกอบด้วยกิจกรรมวาดภาพพระบฏ พิธีบวงสรวงเทพยดาและบรรพชนผู้ปกปักรักษาเมืองลพบุรีที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุและศาลพระกาฬ พิธีเจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ 9 รูป ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ การแห่ผ้าพระบฏและพิธีอัญเชิญพระพุทธเจ้าเลียบเมืองการแสดงของนักเรียนและการแสดงธรรมกลางเมืองเรื่องพุทธศาสนาที่เยาวชนควรรู้ โดยพระครูธรรมรัตน์ (ธนัญชัย เตชปัญโญ) วัดญาณเวศกวัน จังหวัดนครปฐม พิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีถวายผ้าพระบฏ ห่มผ้าปางพระศรีรัตนมหาธาตุและเวียนเทียนเป็นพุทธบูชา (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย
นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัดสิงห์บุรี ได้มอบหมายให้นายสมชาย ลีหล้าน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานในพิธีเชิญสิ่งของพระราชทาน ให้ความช่วยเหลือโดยใช้เงินสำรองจ่ายจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัดสิงห์บุรีซื้อเครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับผู้ประสบอัคคีภัยเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2565 จำนวน 2 ครัวเรือน ผู้ประสบภัย 6 คน บ้านพักอาศัยของนางสนอง สำอางค์ ซึ่งครอบครัวมีผู้สูงอายุ ผู้ป่วยและผู้พิการอาศัยอยู่ด้วย เสียหายทั้งหลัง และอีก 1 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ตำบลโรงช้าง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่ง ครอบครัวของผู้ประสบอัคคีภัย ต่างรู้สึกปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงห่วงใยราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย
จากนั้น นายสมชาย ลีหล้าน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมนางจิราภรณ์ กองเงิน รองนายกเหล่ากาชาด และคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด ได้พูดคุยให้กำลังใจกับผู้ประสบอัคคีภัยพร้อมมอบเงินช่วยเหลือและสิ่งของอุปโภคบริโภค พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสิงห์บุรี มอบเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคม อบต.โรงช้างมอบถุงยังชีพช่วยเหลือในเบื้องต้น และบาทหลวงสมพร ฤทัยหวนพนา รักษาการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนพระกุมารเยซู สิงห์บุรี มอบเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ผู้ประสบอุทกภัย เป็นกำลังใจที่เข้มแข็งพร้อมที่จะต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคต่างๆผ่านพ้นไปด้วยดี (อำนาจ สุขเย็น / สิงห์บุรี)
มทร.สุวรรณภูมิ ลดค่าเทอม 50 % ช่วยผู้ปกครองนักศึกษา
รองศาสตราจารย์ ดร.ประมุข อุณหเลขกะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทร.สุวรรณภูมิ) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบให้สังคมไทยเกิดภาวะการตกงานเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจจำนวนมากต้องหยุดกิจการ หรือดำเนินการได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนทำให้ขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยา คนไทยไม่ทิ้งกัน จึงต้องช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อให้ผ่านวิกฤตินี้
รองศาสตราจารย์ ดร.ประมุข อุณหเลขกะ อธิการบดี กล่าวต่อว่า เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของผู้ปกครองและนักศึกษา มทร.สุวรรณภูมิ จึงมีนโยบายและประกาศลดค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าบำรุงการศึกษาของภาคการศึกษาที่ 1/2566 สำหรับนักศึกษาที่เข้าศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา 2566 ทุกคณะ โดยมีเงื่อนไข คือ นักศึกษาจะต้องชำระเงินภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จะได้รับส่วนลด 50 % และฟรีค่าสมัคร 300 บาท ทั้งระดับ ปวช. / ปวส./ และปริญญาตรี สำหรับปริญญาโท และปริญญาเอก จะได้รับส่วนลดค่าสมัคร 50% สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มกราคม 2566
สอบถามข้อมูลโดยตรงได้ที่ สำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน หรือ งานสื่อสารองค์กรและกิจการระหว่างประเทศ
*ศูนย์พระนครศรีอยุธยา หันตรา 0 3570 9085, 08 1780 6996 *ศูนย์พระนครศรีอยุธยา วาสุกรี 0 3532 4179 , 06 4298 2418 *ศูนย์นนทบุรี 0 2526 6467 *ศูนย์สุพรรณบุรี 0 3543 4017 , 0 3543 4004 ต่อ 120 (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)
สาธารณสุข ร่วมป้องกันโรคติดต่อจากแมลง
นายแพทย์พัลลภ ยอดศิรจินดา นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดชัยนาท นายแพทย์ดิเรก ขำแป้น ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ นายอนุสรณ์ นาคาศัย นายกองค์การบริหารส่วนจัง หวัดชัยนาท ได้ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงที่จัดทำขึ้น 3 หน่วยงาน ณ ห้องประชุมหลวงปู่ศุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยนาท เพื่อร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนพัฒนาและขับเคลื่อนการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อ นำโดยแมลงโดยคำนึงถึงศักยภาพบทบาทหน้าที่และบริบทของแต่ละหน่วยงาน ได้แก่การเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมพาหะ สนับสนุนงบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ สารเคมีในการดำเนินงานสื่อสารประชาสัมพันธ์ วิธีการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลงในหลากหลายช่องทาง ให้สอดคล้องกับความต้องการ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยผ่านเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมให้เกิดการมี ส่วนร่วมของชุมชน
นายแพทย์สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ในการเฝ้าระวังป้องกันควบคุม และสนับสนุนการดำเนินงานทุกรูปแบบ แลกเปลี่ยนและบริหารจัดการฐานข้อมูล เพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนสนับสนุน การทำงานของหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อจากการนำโดยแมลง ความร่วมมือดังกล่าวข้างต้น เป็นการให้ความร่วมมือในด้านทรัพยากร วิชาการ การบริหารจัดการ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบ ร่วมกันในการดำเนินงานตามข้อตกลง และลงลายมือชื่อร่วมกันไว้เป็นหลักฐาน และมีผลบังคับใช้ นับตั้งแต่วันลงนามเป็นต้นไป อันจะส่งผลให้ประชาชนชาวชัยนาท ปลอดภัยจากโรคติดต่อโดยแมลงต่อไป (สมชัย – ประนอม ลัทธิเดช / ชัยนาท)
รองนายก อบต.รับรางวัล”พ่อตัวอย่างแห่งชาติปี 65
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านพักนายชวน อังคะเว ภายในหมู่บ้านพาสิริ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จัดให้มีงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่นายชวน อังคะเว (รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลิง) เข้ารับรางวัล “พ่อตัวอย่างแห่งชาติ” ประจำปี พุทธศักราช 2565 พร้อมกันนี้ได้ฉลองในโอกาสคล้ายวันเกิด 11 ธันวาคม 2565 ของนางสมจิตร อังคะเว (ภรรยานายชวน)กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาสิริ บ้านและที่ดิน จำกัด และแสดงความยินดี เนื่องในวันรับปริญญาบัตร ของนายพาทิศ อังคะเว (บุตรชาย) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทพาสิริ บ้านและที่ดิน จำกัด
โดยได้รับเกียรติจากนายพุทธิพงษ์ สุริยะสิงห์ เลขานุการกรมการปกครอง,นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอหนองแค,พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอหนองแค,นายจิรศักดิ์ จึงรัศมีพานิช ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี, นายสุนทร เข็มนาค นายกเทศมนตรีตำบลหนองแค,นายวิรัตน์ ศรีเพ็ชร กำนันตำบลหนองปลาหมอ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านฯ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แขกผู้มีเกียรติและบุคคลใกล้ชิดเป็นจำนวนมากร่วมแสดงความยินดีกับครอบครัว ”อังคะเว” ในโอกาสอันเป็นมงคลในครั้งนี้ (วิรัตน์ เดชะวราฤทธิ์ / สระบุรี)
รองผู้ว่าฯ อยุธยา เตรียมจัดงาน”ยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก”
วันที่ 7 ธันวาคม 2565 ณ ห้องประชุมอโยธยา ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดรำบวงสรวงบูรพกษัตริยาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา การจัดงานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก ประจำปี 2565 โดยมี ดร.จิระพันธุ์ พิมพ์พันธุ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางนลินี ด่านชัยวิจิตร รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด และคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมของฝ่ายต่าง ๆ ที่ได้มอบหมายภารกิจ โดยการรำบวงสรวงครั้งนี้จะมีการซ้อมใหญ่เสมือนจริง ในวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566 และการจัดพิธีรำบวงสรวงฯขึ้น ในวันที่ 11 มกราคม 2566 ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) โดยเป็นการรำประกอบเพลง “ยอยศพระรามาธิบดีที่ 1” ที่เนื้อเพลงบรรยายถึงพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระรามาธิบดี หรือพระเจ้าอู่ทอง การกำเนิดของกรุงศรีอยุธยา ศิลปวัฒนธรรม และการทำมาค้าขายที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยนั้น โดยนางรำทุกคนจะแต่งกายด้วยชุดไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา สวยงามสง่า เพื่อเฉลิมฉลองที่ทางองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนบัญชีมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 ณ กรุงคาร์เธจ ประเทศตูนิเซีย ซึ่งขณะนี้ ครูต้นแบบ จำนวน 72 ท่าน จาก 16 อำเภอ เริ่มดำเนินการซ้อมรำให้กับผู้เข้าร่วมรำตามอำเภอแล้ว ซึ่ง ณ ตอนนี้มีประชาชนร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนกว่า 1,858 ท่านแล้ว
ด้านนายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การรำบวงสรวงครั้งนี้ นางรำจะร่วมรำตั้งแต่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง เชื่อมโยงไปถึงพระราชวังโบราณ วัดพระราม และวิหารพระมงคลบพิตร ซึ่งจะอยู่ใกล้เคียงกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ศาลหลักเมือง และวังช้างแลเพนียด ล้วนอยู่ในเขตเมืองมรดกโลกและอุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งภาพที่ปรากฏออกสู่สายตาประชาชนจะสวยสดงดงามสมกับความเป็นเมืองมรดกโลก (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)
อยุธยา วางแนวทางพัฒนาจังหวัดสู่เมืองอัจฉริยะ
วันที่ 8 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (Ayutthaya Smart City) ครั้งที่ 1/2565 โดยมี นายสิทธิวีร์ วรรณพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการ ส่วนงานด้านการท่องเที่ยว ด้านอุตสาหกรรมเข้าร่วมประชุม ในครั้งนี้ สำหรับการประชุมเพื่อเป็นการวางแนวทางและหารือแนวทางการพัฒนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เข้าสู่มาตรฐานเมืองอัจฉริยะ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการร่วมกันของแต่ละหน่วยงานในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาสนับสนุนจังหวัดสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะผ่านกลไกความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อหารือพร้อมวางแผนการพัฒนาจังหวัดฯ ในทุกมิติครอบคลุมทุกภาคส่วน ในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งอธิบายภาพรวมของการพัฒนาภายใต้แผนส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลเมือง (City Data Platforms) และประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้หน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ จัดทำข้อเสนอเพื่อพิจารณาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เพื่อสนับสนุนให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บรรลุเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด “อยุธยาเมืองมรดกโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ น่าเรียนรู้ น่าอยู่ น่าลงทุน” โดยมุ่งเน้นการเสริมศักยภาพของพื้นที่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างโอกาส ผลักดันเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ มุ่งเน้นขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัล พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยมีเป้าหมายในการได้รับตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ และขับเคลื่อน City Data Platform (เน้น Open Data และการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูล) (วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)
กีฬาสาธิตราชภัฏสัมพันธ์ ครั้งที่ 32
ดร.บุณยานุช เฉวียงหงส์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี เป็นประธานในพิธีมอบถ้วยรางวัลกีฬา และเป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาสาธิตราชภัฏสัมพันธ์ ครั้งที่ 32 ลวบุรีเกมส์ ณ สนามกีฬาพระราเมศวร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมส่งมอบธงเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาสาธิตราชภัฏสัมพันธ์ครั้งที่ 33 ให้แก่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ที่จะจัดการแข่งขันกีฬาขึ้นในปี 2566
สำหรับผลการแข่งขันกีฬาสาธิตราชภัฏสัมพันธ์ ครั้งที่ 32 สรุปเป็นดังนี้ ฟุตบอล ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มรภ.เลย , ฟุตบอล ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มรภ.มหาสารคาม , ฟุตซอล ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ฟุตซอล ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา บาสเกตบอลหญิง ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มรภ.วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ รางวัลคะแนนรวม ประเภทแบดมินตัน ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมัธยม มรภ.พระนครศรีอยุธยา รางวัลคะแนนรวม ประเภทเปตอง ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มรภ.มหาสารคาม รางวัลคะแนนรวม ประเภทเทนนิส ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีมหาธาตุ มรภ.พระนคร รางวัลคะแนนรวม ประเภทหมากกระดาน ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา และรางวัลคะแนนรวมกรีฑา ชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนสาธิต มรภ.วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขณะที่เจ้าภาพ โรงเรียนสาธิต มรภ.เทพสตรี คว้ารางวัลชนะเลิศ วอลเลย์บอลหญิง วอลเลย์บอลชาย รางวัลคะแนนรวม ประเภทเทเบิลเทนนิส และ รางวัลคะแนนรวมกีฬา ชนะเลิศ (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)
ปลูกผักสวนครัวบ้านพัก นอภ.ตาคลี
นายอรรถการณ์ จิตถวิล นายอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วย พัฒนาการอำเภอ เกษตรอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันปลูกผักสวนครัว และไม้ผล บริเวณบ้านพักนายอำเภอตาคลี ติดกับที่ว่าการอำเภอตาคลีตามโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร เป็นแบบอย่างให้กับประชาชนในการดำเนินการ มีกลุ่มแม่บ้านและเจ้าหน้าที่ไปช่วยกันปลูกผักสวนครัวตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และได้จัดทำถังขยะอินทรีย์ (ถังขยะเปียกครัวเรือน) ณ บ้านพักนายอำเภอ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ (กิตติ์ธเนศ พัวพรพงษ์ / นครสวรรค์)
พิธีเปิดโรงเรียนผู้สูงอายุ ทม.ตาคลี
วันที่ 7 ธันวาคม 2565 นางเพลินพิศ ศรีภพ นายกเทศมนตรีเมืองตาคลี เป็นประธานพิธีเปิด “โครงการโรงเรียนผู้สูงอายุสำหรับผู้สูงวัยในเขตเทศบาลเมืองตาคลี ประจำปีงบประมาณ 2566” พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาลและหัวหน้าส่วนราชการเทศบาลเมืองตาคลีร่วมในพิธีเปิดโครงการ วัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย จิตใจที่ดีของผู้สูงอายุ และเพื่อให้ผู้สูงอายุได้นำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดดูแลคนในชุมชนได้ ซึ่งในการดำเนินโครงการมีการจัดการเรียนการสอน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยมีแผนการจัดการเรียนการสอนแต่ละกลุ่มสลับกันไปในแต่ละสัปดาห์ ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ในเนื้อหาหลักสูตรต่างๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ณ อาคารอเนกประสงค์ (สำนักงานเทศบาลเมืองตาคลีหลังเก่า) (กิตติ์ธเนศ พัวพรพงษ์ / นครสวรรค์)