กรณีเด็กนักเรียนชาย 2 คนหนีออกจากโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี 3 วัน 3 คืน โดยพบตัวเด็กชายทั้งคู่แล้วเมื่อคืนวาน บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านบ่อทอง ห่างจากโรงเรียนประจำดังกล่าวกว่า 10 กิโลเมตร จากการสอบถามเด็กชายทั้ง 2 คน ระบายความในใจถูกรุ่นพี่ในโรงเรียนกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง วันนี้ศึกษาธิการจังหวัดลพบุรีจึงไปพบครูประจำโรงเรียนเพื่อแก้ไขปัญหา
ความคืบหน้ากรณีเด็กชาย 2 คน คือ เด็กชายตัวต่อ และเด็กชายกั๊ว ที่หนีออกจากโรงเรียนและพบตัวแล้ว โดยเด็กอาศัยอยู่ภายในท่อซีเมนต์ระบายน้ำใกล้กับโรงเรียนวัดบ่อทองห่างจากโรงเรียนต้นสังกัดของเด็กคือโรงเรียนราชประชาสงเคราะห์ 33 ประมาณ10 กม.
วันนี้ 25 พ.ย.นายสิทธิพงษ์ พฤกษอาภรณ์ ศึกษาธิการจังหวัดลพบุรีได้สอบถามครูผู้ใกล้ชิดเด็กทั้งคู่ ได้ข้อมูลว่าเด็กทั้งสองคนคิดถึงบ้านและคิดถึงพ่อแม่ จึงอาจเป็นสาเหตุของการหนีโรงเรียน
พบแล้ว 2 นักเรียนหนีรร.หายตัวในป่าอ้อย
92 องค์กรผู้หญิง-เด็ก จี้ ศธ.เร่งแก้ปัญหาครูข่มขืนนักเรียน
โดยนายสิทธิพงษ์ ฝากย้ำไปยังฝ่ายบริหารและครูทุกคน ให้ถอดบทเรียนจากเหตุการณ์นี้ เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก จากนั้นทางโรงเรียนและน้องกั๊ว ได้พาดูจุดที่หนีบริเวณรั้วหลังโรงเรียน เป็นรั้วลวดหนาม ติดบึงใหญ่
น้องกั๊วบอกว่า อาศัยช่วงจังหวะตอนเพื่อนๆ กินข้าว วิ่งหอบกระเป๋ามายังหลังโรงเรียน ก่อนลอดรั้วลวดหนาม และหนีออกไปทางป่าจนไปเจอไร่อ้อย
ด้านอาของน้องกั๊ว เปิดเผยว่า จะคุยกับหลานชายเรื่องการตัดสินใจที่จะเรียนต่อ แต่เบื้องต้นหลานชายยืนยันว่า อยากจะกลับไปเรียนโรงเรียนเดิมในจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งตนเองยอมรับว่า สบายใจมากขึ้นแล้ว แต่ฝากถึงโรงเรียนแห่งนี้ว่า ให้มีมาตรการดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพราะประเด็นที่น้องกั๊ว อ้างว่าถูกทำร้ายนั้น จากการสอบถามหลาน ก็บอกว่า ถูกทำร้ายจริง แต่เป็นการทำร้ายด้านจิตใจ คือ รุ่นพี่ 3-4 คนบังคับให้ซักเสื้อผ้าให้ จึงเกิดความอัดอั้นตันใจ
ส่วนน้องกั๊วให้ข้อมูลว่า ช่วงเวลาที่หนีเข้าป่าได้เบิกเงินจากครู ก่อนตัดสินใจกับเด็กชายตัวต่อ หนีออกไป และไปหาซื้อของใช้พวกไฟแช๊ค น้ำดื่ม และขนม โดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า คืนแรกเด็กทั้ง 2 คน ไปนอนพักในป่าอ้อย และใช้ชีวิตจับปลาในบ่อมาเผากิน ซึ่งความตั้งใจจะเดินออกไปให้ถึงถนนสายเอเชียเพื่อกลับบ้านที่จังหวัดตาก ซึ่งทั้งหมดไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้านาน เพียงตกลงกันและหนีออกจากโรงเรียนเลย ส่วนเด็กชายตัวต่อวันนี้ไม่ได้มาที่โรงเรียนด้วย เพราะครอบครัวพาตัวกลับบ้านที่จังหวัดอุทัยธานีตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
ด้านนายประเวศ ทั่งจันทร์แดง ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 33 เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า รู้สึกยินดีกับการพบเด็กนักเรียนทั้ง 2 คน ส่วนประเด็นจดหมายนักเรียนที่ระบายความในใจที่มีการเผยแพร่ออกมาวันนี้ ทางผอ.ประเวศ บอกว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีที่เข้ามาดำรงตำแหน่งที่นี่ เด็กนักเรียนเคยขอตน 2 อย่าง คือ เรื่องไว้ผมยาวและใช้โทรศัพท์ ซึ่งไม่สามารถอนุญาตได้ เพราะทั้ง 2 อย่างไม่ใช่สิ่งจำเป็นของเด็ก
ส่วนประเด็นเรื่องการเรียนการสอนพล เกษตรกุลทรัพย์ นั้น ผู้อำนวยการโรงเรียน ระบุว่า การเรียนเกษตร ถือเป็นวิธีการเรียนการสอนวิชาหนึ่ง เพื่อพัฒนาเด็กตามระเบียบของสำนักงานเขตการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ไม่ได้เน้นเกษตรอย่างเดียว และยืนยันว่าไม่ได้ให้ทำงานตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ตามที่เด็กเขียนระบายความรู้สึก แต่เป็นการตื่นตามเวลาปกติแล้วทำภารกิจส่วนตัว ก่อนแยกย้ายไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองถนัด
สำหรับการใช้คำพูดของครู ยังไม่ทราบว่าเป็นคำพูดแบบใด ซึ่งยังไม่มีข้อมูล แต่จะเน้นย้ำครูให้พูดจาสื่อสารกับเด็กใหม่ และจะมอบความรักให้เปรียบดั่งพ่อกับแม่
ส่วนข้อความในสมุดบันทึกของน้องตัวต่อนั้น เป็นปัญหาที่ต้องฟังความทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเด็กพูดอะไรก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงในส่วนของหอนอนนั้นมีรุ่นพี่ดูแลอยู่จริง ซึ่งเรื่องรุ่นพี่คนใดข่มขู่หรือกลั่นแกล้ง เบื้องต้นยังไม่มีใครรับสารภาพ ต้องสอบสวนตามกระบวนการก่อน
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline