โควิดใหม่ต่ำกว่า 2 หมื่นรายวันแรก รักษาหายสูงกว่า 2.5 หมื่นราย แต่ดับยังนิวไฮ วันนี้สูง 69 ราย กทม.ยังพุ่งเฉียด 3 พันราย ส่วน 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุดแนวโน้มลดลงจากเคยเกิน 600 รายต่อวัน เหลือเกิน 400 ราย ภาพรวมติดเชื้อเกินร้อยรายยังเกินครึ่งประเทศ แต่ลดลงเหลือ 51 จังหวัด “ลำพูน” รายงานเป็น 0 ส่วนติดเชื้อจากต่างประเทศลดเหลือ 64 ราย
เมื่อวันที่ 8 มี.ค ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เกินหมื่นรายเป็นวันที่ 32 ในการระบาดระลอกโอมิครอน โดยวันนี้พบติดเชื้อลดลง่ำกว่า 2 หมื่นรายวันแรก คือ 18,943 ราย สะสม 3,066,800 ราย หายป่วย 25,005 ราย สะสม 2,819,103 ราย เสียชีวิต 69 ราย สะสม 23,369 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 224,328 ราย อยู่ใน รพ. 62,263 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 162,065 ราย มีอาการหนัก 1,189 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 400 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 69 ราย มาจาก 33 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี 12 ราย , กทม. 6 ราย , สุราษฎร์ธานี 5 ราย , พัทลุง 4 ราย , ปทุมธานี สมุทรสาคร ปัตตานี จังหวัดละ 3 ราย , สมุทรปราการ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ตรัง พังงา สตูล ระยอง จังหวัดละ 2 ราย และ นครปฐม นนทุบรี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น เลย สกลนคร หนองคาย อำนาจเจริญ อุบลราชธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ถูเก็ต กาญจนบุรี ปราจีนบุรี สระบุรี และสิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 39 ราย หญิง 30 ราย อายุ 16 – 94 ปี เฉลี่ย 74 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 97%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุดคือ 1.กทม. 2,939 ราย 2.ชลบุรี 1,003 ราย 3.นครศรีธรรมราช 833 ราย 4.สมุทรปราการ 769 ราย 5.นนทบุรี 701 ราย 6.สมุทรสาคร 587 ราย 7.ภูเก็ต 563 ราย 8.นครราชสีมา 555 ราย 9.พระนครศรีอยุธยา 528 ราย และ 10.บุรีรัมย์ 446 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 41 จังหวัด คือ ระยอง 425 ราย , นครปฐม 404 ราย , ปทุมธานี 363 ราย , ฉะเชิงเทรา 350 ราย , ราชบุรี 338 ราย , ขอนแก่น 308 ราย , ร้อยเอ็ด 292 ราย , สุพรรณบุรี 274 ราย , สงขลา 270 ราย , เชียงใหม่ 268 ราย , พัทลุง 244 ราย , สุรินทร์ 241 ราย , สระบุรี 237 ราย , นราธิวาส 231 ราย , ปัตตานี 231 ราย , สุราษฎร์ธานี 210 ราย , กาญจนบุรี 203 ราย , เพชรบุรี 197 ราย , ลพบุรี 194 ราย , กาฬสินธุ์ 190 ราย , สระแก้ว 187 ราย , อุดรธานี 186 ราย , ประจวบคีรีขันธ์ 182 ราย , หนองคาย 182 ราย , ยโสธร 171 ราย , สมุทรสงคราม 171 ราย , ตรัง 164 ราย , ตาก 153 ราย , อุบลราชธานี 149 ราย , ศรีสะเกษ 144 ราย , ปราจีนบุรี 141 ราย , พิษณุโลก 132 ราย , มหาสารคาม 131 ราย , จันทบุรี 129 ราย , ยะลา 129 ราย , ระนอง 128 ราย , ชุมพร 126 ราย , นครสวรรค์ 126 ราย , หนองบัวลำภู 121 ราย , กระบี่ 115 ราย และสกลนคร 100 ราย ส่วนจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมี 1 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน 0 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 34 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 66 ราย ใน 30 ประเทศ ซึ่งประเทศต้นทางที่มีการติดเชื้อมาก เช่น อินโดนีเซีย 12 ราย , รัสเซีย 9 ราย , อังกฤษ 6 ราย เป็นต้น ภาพรวมเข้าระบบ Test&Go 27 ราย แซนด์บ็อกซ์ 24 ราย ระบบกักตัว 15 ราย
สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-7 มี.ค. 2565 จำนวน 57,258 ราย รายงานติดเชื้อ 680 ราย คิดเป็น 1.19% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 48,557 ราย ติดเชื้อ 426 ราย คิดเป็น 0.88% แซนด์บ็อกซ์ 7,592 ราย ติดเชื้อ 234 ราย คิดเป็น 3.08% และกักตัว 1,109 ราย ติดเชื้อ 20 ราย คิดเป็น 1.8%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 7 มี.ค. ฉีดได้ 120,488 โดส สะสมรวม 125,036,572 โดส เป็นเข็มแรก 53,983,869 ราย คิดเป็น 77.6% ของประชากร เข็มสอง 49,878,379 ราย คิดเป็น 71.7% ของประชากร และเข็มสาม 21,174,324 ราย คิดเป็น 30.4% ของประชากร